วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เกาะลอย เกาะที่ไม่เคยจมหายไปจากใจคนศรีราชา




เกาะลอย เกาะที่ไม่เคยจมหายไปจากใจคนศรีราชา ถึงวันนี้เกาะลอยไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว เพราะการพัฒนา ทำให้เกาะนี้เปลี่ยนแปลงไป


               จังหวัด ชลบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายฝั่งทะเล และอยู่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพ จังหวัดชลบุรีมีสถานที่เที่ยวกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด ดังนั้นจึงเป็นการตัดสินใจที่ดี ถ้าวันหยุดยาวช่วงเทศกาลไม่รู้จะไปที่ไหน หรืออยากทานอาหารทะเลสดๆ ก็ต้องมาที่นี่เลย รับรองไม่ผิดหวัง จะเรียกว่า 1 อำเภอ 1 สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังได้
               สำหรับ ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ เราจะไปเที่ยว รับลมทะเลเย็นๆกันที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี หลายคนอาจจะรู้จักอำเภอนี้อย่างดี แต่หลายคนคงอาจจะคุ้นๆว่าเหมือนเคยได้ยินมา ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะที่ศรีราชาเป็นอำเภอที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีของดีหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ซอสพริกศรีราชา , สับปะรดที่หวานฉ่ำ หรือจะเป็นประเพณีกองข้าวที่จัดขึ้นทุกปี แต่สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ เราจะพาไปรู้จักกับเกาะที่ไม่เคยจม เพราะสถานที่นี้มีชื่อว่า “เกาะลอย”
               เกาะลอย ตั้งอยู่ ทางทิศเหนือของตลาดศรีราชา เป็นเกาะเล็กๆ ในเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ เศษ การเดินทางมาก็ไม่ยาก เพราะถ้ามาชลบุรีถูก จะมาเกาะลอยก็คงไม่ยาก เมื่อเข้าตลาดศรีราชา ให้วิ่งรถเลาะทะเลมา จะเห็นสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวพาดข้ามทะเลเชื่อมติดอยู่ระหว่างชายฝั่งจนถึง เกาะ รถสามารถข้ามผ่านไปได้เลย สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ให้ลงที่ตึกคอมศรีราชา แล้วให้นั่งตุ๊กๆเข้ามาก็ได้เช่นกัน เรียกว่าสะดวกสบายเอาใจนั่งท่องเที่ยวกันเลยเวลา 10.00 น. เช้าของวันที่ 1 มกราคม 2550 ฤกดิ์งามยามดี คณะนำเที่ยวจำเป็นของเรา ซึ่งก็คือ น้าอี๊ด น้าเกิด น้องแอนฟิลด์ น้องใบหม่อน และตัวผู้เขียนเอง เราทั้ง 5 คน จะออกไปเที่ยวฉลองเทศกาลแห่งความสุขกันที่เกาะลอย เราออกเดินทางจากบ้านซึ่งห่างจากที่หมายไม่มากนัก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงชายฝั่งศรีราชา เห็นเกาะลอยอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลทาง คอนกรีตลาดยาวไปถึงเกาะ มีรถวิ่งกวักไกว บ่งบอกว่าวันนี้ผู้คนหนาแน่นพอสมควร ขณะที่รถกำลังแล่นอยู่บนสะพานข้ามนั้น เมื่อมองดูสองข้างทางจะเห็นละอองน้ำสีขาว ที่เดิดจากคลื่นนั้นกระทบกับหิน ดูแล้วสดชื่นผ่อนคลายความร้อนของอากาศได้บ้าง เดิมทีสะพานแห่งนี้ เป็นเพียงสะพานไม้ที่เอามาต่อเป็นทางเดินเชื่อมต่อกันเท่านั้น รถไม่สามารถข้ามได้ แต่ตอนนี้ถนนที่สร้างด้วยคอนกรีต แข็งแรงและขว้างขวาง ทำให้รถวิ่งสวนทางกันได้สบาย แถมยังมีทางเดินสำหรับให้คนที่ชอบเดินชมวิวอีกด้วยจำนวน รถและจำนวนคนในวันนี้ ทำให้เกาะลอยครึกครื้นกว่าวันอื่นๆ หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว น้องทั้ง 2 ก็เดินนำหน้า บอกว่าจะพาไปดูเต่า แถมคุยโม้ว่าเต่าที่นี่ตัวใหญ่มาก เมื่อถึงที่หมาย ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ผู้เขียนมองไป เห็นเต่าตัวใหญ่อยู่ 1 ตัว และเต่า ตัวเล็กอีกไม่กี่ตัว ผิดกับจำนวนคนให้อาหารที่มีจำนวนมาก ซึ่งอาหารเต่า 1 กล่อง ราคา 20 บาท ประกอบไปด้วย ปลาหมึกและปลาที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เราจึงเดินหาทำเลให้อาหารใหม่ เผื่อจะเจอกับฝูงเต่าบ้าง ไม่นานเราก็เจอกับชุมชนเต่าหลายสิบตัวทั้งเล็กใหญ่กำลังแย่งกินอาหาร ว่ายน้ำกันต้วมเตี้ยม ๆ แต่เต่าตนุที่นี่ก็ตัวใหญ่จริงๆ แต่คงไม่ใหญ่เท่ากับที่น้องๆบอกเอาไว้ตอนต้น
                   หลังจากเต่าอิ่มท้อง คนให้อิ่มใจกันแล้ว เราทั้ง 5 ก็ขึ้นไปไหว้พระที่วัดเกาะลอยศรีมหาราชา แต่เดิมชื่อวัดเกาะลอย ตาม ประวัติที่จารึกไว้ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่เคียงคู่เกาะนี้มานาน สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเป็นผู้ตั้งชื่อวัดนี้ขึ้นมาใหม่และท่านยังให้ เงินสนับสนุนเพื่อมาพัฒนาวัด ในสมัยที่ท่านมาประทับ ณ พระตำหนักน้ำศรีมหาราชา ทาง ขึ้นวัดเป็นบันไดค่อนข้างลาดชัน เพราะวัดอยู่บนเนินเขา เมื่อขึ้นไปถึง ก็พบร้านค้าสำหรับปล่อยนก ปล่อยปลา กลิ่นธูปคละคลุ้งไปทั่ว เสียงระฆังดังกังวาล ข้างบนนี้มีบริเวณไม่กว้างมาก แต่บนนี้อากาศดี ทิวทัศน์สวย ทะเลเงียบสงบ มีเรือประมงลอยลำนิ่งอยู่กลางน้ำ เหมาะแก่การนั่งรับลมเย็นพักเหนื่อย เป็นอย่างดีเพิ่ม ความเป็นสิริมงคลต้อนรับปี 2550 ด้วยการไปไหว้เจ้าแม่กวนกิมหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการแกะสลักหยกเพียงก้อนเดียวเท่านั้น เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวนี้ตั้งให้เคารพบูชาอยู่บริเวณริมเกาะ ติดกับทะเล โดยตั้งอยู่ในสำนักที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่ ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรน์นัก ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวให้ปลอดภัยจากลอยขีดข่วนจากการ ก่อสร้าง รูปแกะสลักจึงต้องยังอยู่ในกล่องไม้ ที่เปิดโชว์ด้านเดียว ทำ ให้ตอนนี้เกาะลอยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก บริเวณนี้ถึงแดดจะร้อน แต่อากาศกลับเย็นสบาย อาจเป็นเพราะตรงบริเวณนี้เป็นที่โล่งกว้างไม่มีอะไรมากำบังลม ซึ่งถ้ามองไปทางทะเลก็จะเห็นผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเกาะ ลอยนอกจากจะเป็นที่สถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นท่าเรือสำหรับการเดินทางไปเกาะสีชังอีกด้วย ซึ่งท่าเรือนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าของทุกวัน ค่าเดินทางก็คนละ 40 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทางไปเกาะสีชัง 45 นาทีส่วน ใครที่ต้องการซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปนั้น บนเกาะนี้ก็มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ทำมาจากเปลือกหอย หรือวัสดุที่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างเช่น สร้อยคอที่ทำจากเปลือกหอย โมบายจากกะลามะพร้าว หรือจะเป็นของอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ หมวกกันแดด เสื่อ รวมถึงของเล่นต่างๆ ดึงดูดใจให้เด็กๆต้องดึงมือพ่อแม่เข้าไปดู น้องแอนฟิลด์ก็เช่นกัน ได้กังหันไม้ไผ่มาหนึ่งอัน ซึ่งทำจากวัสดุที่หาได้ง่าย เป็นภูมิปัญหาชาวบ้านจริงๆ เวลากังหังหมุนก็จะมีเสียงก้านไม้ไผ่กระทบกับฝาโลหะดัง ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ตลอดกังหันหมุนชีวิต คนบนเกาะนี้แทบจะไม่ต่างอะไรจากคนบนฝั่งเลย เพราะเกาะลอย เป็นเกาะที่ไม่ห่างจากฝั่ง ไปกลับก็สะดวกสบาย จึงไม่มีบ้านเรือนคนอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วคนจะมาเช้าเย็นกลับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากลางคืนที่นี่จะเงียบเหงา ยาม ค่ำคืนที่นี่จะเป็นที่รวมตัวของคนที่รักการตกปลา ที่จะมานั่งริมสะพานตกปลา ตกหมึก ซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ คนรักเครื่องเสียงก็มักมาชุมนุมที่นี่ คนกลุ่มนี้จะนัดรวมตัวกัน เพื่อมาเปิดเพลงประชันเครื่องเสียง ตามประสาคนที่คุยกันถูกคอใน แต่ละปี เกาะลอยมีอัตราการของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เพราะเทศบาลได้ปรับปรุงและพัฒนาเกาะลอยให้มีความเจริญขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนมาเที่ยวที่นี่กันมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเกาะนี้จะเจริญไปมากเพียงไหน หรือจะเสื่อมโทรมอย่างไร เกาะลอยก็จะอยู่เคียงคู่อำเภอศรีราชาเสมอ  ทุกๆ ปี จะมีการจัดงานประเพณีกองข้าวขึ้นที่นี่ ดังนั้น ตลอดชายฝั่งศรีราชาจนถึงเกาะลอยจะเต็มไปด้วยดวงไฟประดับตระการตาสวยงาม ผู้คนมากมากมายจะใส่เสื้อลายดอก เดินกันเต็มสองข้างทาง โดยเฉพาะบริเวณสะพานข้ามไปเกาะลอย ที่ในวันนั้นจะไม่ให้รถเข้าไปจอดบนเกาะ

6 ความคิดเห็น:

  1. เคยไปเกาะลอยค่ะ.....วิวสวยมั๊ก.กก
    ต้องไปตอนเย็นๆ ..แนะนำ

    ตอบลบ
  2. ไม่ไกลเท่าไร เที่ยวได้บายมาก... o_O

    ตอบลบ
  3. สวยวะอยากไปมังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  4. สวยจริงไปมาแล้ว โคตรประทับใรเลย

    ตอบลบ